วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ความปลอดภัยในการใช้ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ เราจึงพัฒนาการเรียนการสอนให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เนื่องจากปัจจุบัน มียานพาหนะบนท้องถนนจำนวนมาก 

และยังเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากมายเช่นกัน


                

     อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในการจราจรทางบกนั้น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน จากสถิติของกรมทางหลวง พบว่า สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุทางหลวงมากที่สุด คือการขับรถเร็ว  รองลงมาคือการขับรถระยะกระชั้นชิด    อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในการจราจรทางบกนั้น มักเกิดขึ้นจากสาเหตุที่สำคัญ 3 ประการดังนี้
         
           1. บุคคล      
           2. สิ่งแวดล้อม                  
           3. กฎหมาย

     สาเหตุเกิดจากผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะ ผู้โดยสาร คนเดินทาง หรือสัตว์เลี้ยงต่างๆ ซึ่งมีสาเหตุดังนี้

       
1. สาเหตุจากผู้ขับยวดยานพาหนะ
     1.1 มีความบกพร่องทางด้านร่างกาย เช่น ร่างกายอ่อนเพลีย ง่วงนอน หรือหลับในสุขภาพไม่ดี
          มีโรคประจำตัว โรคลมชัก ตาบอดสี ตาพร่า น้ำตาลในเลือดต่ำ
     1.2 มีความบกพร่องทางด้านจิตใจและอารมณ์ เช่น มีความกลัดกลุ้มใจ วิตกกังวล
           อารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียว มีความตึงเครียดทางอารมณ์
     1.3 ขาดความรู้ความชำนาญ และประสบการณ์ในการใช้ถนน เช่น ขาดความรู้เรื่องความเร็วกับรถ
          คาดคะเนความเร็ว หรือกะระยะทางไม่ถูกต้อง ไม่มีความรู้ความชำนาญ ในเรื่องลักษณะของ
           ยวดยานที่ใช้ขับ ไม่รู้กฎจราจร เป็นต้น
     1.4 ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือข้อบังคับ เช่น ขับรถเร็ว ขับรถตัดหน้ารถอื่นระยะกระชั้นชิด
           ขับรถล้ำ ช่องทางเดินรถ ขับรถแซงซ้าย หรือแซงขวาในที่คับขัน ขับรถตามหลังคนอื่นอย่าง
           กระชั้นชิด ฝ่าฝืนป้ายหยุดขณะออกจากทางร่วม ขับรถย้อนศรทางเดินรถ ขับรถฝ่าฝืน
           เครื่องหมายจราจร หยุดรถโดยกระชั้นชิด ฯลฯ
     1.5 ไม่รู้จักป้องกันตนเอง เช่น ขับรถด้วยความประมาท ขาดความระมัดระวัง ความเร่งรีบในการ
            เดินทาง เสพยากระตุ้นประสาท ดื่มสุราขณะขับรถ ฯลฯ สำหรับเรื่องการดื่มสุรานั้น
             จากสถิติของสถาบันนิติเวชวิทยา กรมตำรวจ ปี พ.ศ. 2532 พบว่าผู้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
             จากการจราจร มีประวัติการดื่มสุราจำนวน 288 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 77.12

2. สาเหตุจากผู้โดยสาร  คนเดินเท้า  หรือสัตว์เลี้ยง 
     2.1 การขาดความระมัดระวัง เช่น ผู้โดยสารขึ้นหรือลงรถโดยไม่ระมัดระวัง ในการปิด-เปิดประตูรถ
           เดินถนนโดยไม่ระมัดระวังยวดยาน วิ่งตัดหน้ารถ การวิ่งเล่นบนถนน ลื่นหกล้ม ลังเลใจในการ
           ข้ามถนน ฯลฯ
     2.2 การไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร เช่น ห้อยโหนรถโดยสารรถประจำทาง ไม่ขึ้นหรือลงขณะรถหยุด
          หรือที่ป้ายจอด ไม่ข้ามถนนตรงทางข้าม, สัญญาณ หรือสะพานลอย ไม่เดินถนนตามบาทวิถี
           หรือทางเท้า
     2.3 ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น ข้ามถนนโดยออกจากหน้า หรือท้ายรถขณะที่รถยังจอดอยู่
            สัตว์เลี้ยงเดินข้ามถนนหรือวิ่งตัดหน้ารถ ฯลฯ
     2.4 ความไม่สมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจ เช่น สภาพร่างกายที่อ่อนเพลียการดื่มสุรา
           ขณะเดินถนน เป็นต้น

     สาเหตุจากสิ่งแวดล้อม  ที่เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ สภาพของรถ สภาพถนนและดินฟ้าอากาศ

1. สาเหตุจากสภาพของรถ
    1.1 ยางระเบิดหรือยางแตก ทำให้รถเสียการทรงตัว พลิกคว่ำได้ง่าย โดยเฉพาะรถที่กำลังแล่นด้วย
          ความเร็วสูง และถนนลื่น        
     1.2 เบรกแตก เบรกลื่น ทำให้รถไม่สามารถหยุดหรือชะลอความเร็วลงได้ตามความต้องการ
     1.3 เพลาหลุดหรือเพลาขาด ทำให้รถหมดกำลังในการขับเคลื่อน รถจะไม่แล่น แม้ว่าจะเหยียบ
           คันเร่ง อย่างไรก็ตาม ทำให้ยากแก่การควบคุมความเร็ว และง่ายต่อการเกิดอุบัติเหตุ
     1.4 คันส่งหลุด ทำให้พวงมาลัยใช้การไม่ได้ ไม่สามารถควบคุมรถได้
     1.5 อุปกรณ์ประจำรถชำรุดหรือขัดข้อง เช่น ไม่มีไฟหน้า-หลัง ไฟใหญ่มีข้างเดียว หรือไม่มีเลย
          ไฟเลี้ยวชำรุด  ไม่ได้ซ่อมแซมหรือแก้ไข พวงมาลัยสั่นขณะขับ เป็นต้น
     1.6 การเปลี่ยนแปลงสภาพรถ เช่น การเพิ่มแรงเครื่อง ทำให้ผู้ขับขี่เกิดความคะนองและขับรถเร็ว
           การแปลงสภาพรถตามความพอใจ โดยไม่คำนึงถึงสภาพรถที่ได้รับการออกแบบมา
2. สาเหตุจากบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุ สภาพถนนและสภาพแสงสว่าง
     2.1 บริเวณที่เกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ ทางแยก ทางโค้ง ทางตรง ทางเบี่ยงสะพาน วงเวียน ทางตัดทาง
           รถไฟ ทางลาดชัน/เนินเขา ทางเข้าออกทางด่วน ทางเชื่อมโยงทางแยก ทางเชื่อมอาคาร
           ที่พักอาศัย ฯลฯ ซึ่งบริเวณที่มักเกิดเหตุบ่อยที่สุดคือ ทางตรง โดยสภาพเส้นที่ดีเรียบ
           มักทำให้ผู้ขับขี่ขาดความระมัดระวังและขับรถด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้จะพบว่า
           ถนน 3 ช่องทางจะเกิดอุบัติเหตุ มากกว่าถนน 2 ช่องทาง และถนน 4 ช่องทาง และถนนสี่แยก
          จะอันตรายกว่าสามแยก
     2.2 สภาพถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ มีโคลนตม มีเครื่องกีดขวางมากๆ หรือถนนที่แคบ ถนนที่ลื่น
           มีส่วนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
     2.3 สภาพแสงสว่างบนถนน เช่น แสงสว่างที่ส่องจากรถคันที่สวนมาโดยการเปิดไฟสูงและมีความ
           สว่างสูง ทำให้ตามัวมองไม่ชัดเจน หรือไม่มีไฟส่องสัญญาณทางแยก บนท้องถนนมืดไม่มี
           ไฟฟ้าไม่มีแสงสว่าง ทำให้มองไม่เห็นทาง หรือมองไกลไม่ได้ ย่อมเป็นอันตรายต่อการ
            ขับรถ อย่างไรก็ตามแสงสว่างในเวลากลางวัน หรือความสว่างของ ถนนก็มักทำให้เกิด
            อุบัติเหตุสูงกว่าเวลากลางคืน แต่ความรุนแรงจะเกิดในเวลากลางคืนมากกว่า
3. สาเหตุจากดินฟ้าอากาศ
     3.1 ฝนตกหนัก น้ำท่วม ทำให้ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นหล่มโคลน ถนนลื่น ทำให้รถตกถนน
          พลิกคว่ำ
     3.2 การเกิดพายุหรือหมอกลงจัด ทำให้มีควันปกคลุมมองไม่เห็นทาง เกิดอุบัติเหติได้ง่าย
     3.3 พายุหิมะ ในต่างประเทศอาจมีพายุหิมะ ทำให้ถนนลื่นมองไม่เห็นทาง
     3.4 สภาพดินฟ้าอากาศที่ดี อุบัติเหตุมักเกิดจากสภาพดินฟ้าอากาศที่ดีเสมอ ทั้งนี้เพราะผู้ขับขี่
           ขับรถด้วยความเร็วสูง และขาดความระมัดระวังอันตราย

     สาเหตุจากกฎหมาย  กฎหมายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุ ดังนี้

     1. การขาดการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนทุกคนทราบกฎระเบียบ ข้อบังคับ และบท
         ลงโทษ ในการฝ่าฝืนกฎต่างๆ ทำให้ประชาชนขาดจิตสำนักและฝ่าฝืนกฎระเบียบต่างๆ 
         ซึ่งมีผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ 
     2. บทลงโทษหรือค่าปรับยังไม่เหมาะสม ทำให้มีการฝ่าฝืนกำจราจร หรือกฎระเบียบต่างๆ อยู่เสมอ 
     3. การที่กฎหมายมิได้กำหนดเพศ อายุสูงสุดของผู้ขับขี่ รวมทั้งการศึกษาขั้นต่ำของผู้ขับขี่ยวดยาน
         พาหนะ ถึงแม้ว่าผู้ขับขี่จะสอบผ่าน และได้รับใบอนุญาตขับขี่มาแล้ว ก็อาจทำผิดกฎจราจร และ
         ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ 
     4. การขากการกวดขัน จับกุม หรือยังไม่จริงจังหรือเข้มงวดในการพิจารณาดำเนินคดีหรือจับกุม 
        ผู้กระทำผิด เป็นสาเหตุให้ขับรถหรือใช้รถใช้ถนนอย่างเสรี ตามอำเภอใจ ซึ่งมักทำให้เกิด
         อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่สำคัญมาก 

        การเรียนการสอนของทางเขมจิรา สอนขับรถยนต์  เมืองประจวบฯ นั้น ไม่ได้เน้นแค่ว่าให้ผู้เรียนสามารถขับรถได้และสอบผ่านได้ใบขับขี่เพียงเท่านั้นค่ะ ครูทุกคนพยายามแนะนำเทคนิคต่างๆ ทุกอย่างในการขับขี่ให้ปลอดภัย และมีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทาง ปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ประมาท และก่อนจะจบคอส ในแต่ละคอส ครูจะทำการประเกินผลการขับของนักเรียนทุกคนก่อนเสมอ ว่ามีวุฒิภาวะในการตัดสินใจ ที่จะสามารถขับรถได้เพียงลำพังได้หรือไม่ รวมถึงครูทุกคนพยายามสร้างจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนนให้กับนักเรียนทุกคน
     
ครูเป็นคนจังหวัดประจวบฯ อยากให้ชาวประจวบทุกคนปลอดภัยจากการใช้รถใช้ถนน ช่วยลดอุบัติเหตุต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับตัวนักเรียนเอง หรือแม้แต่เพื่อนร่วมทาง

ซึ่งสิ่งเหล้านี้เอง ที่หากคนในครอบครัว สอนการขับรถกันเองอาจจะไม่ได้รับสิ่งตรงนี้ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะสอนเพียงแค่ให้ขับขี่ได้เท่านั้นเองค่ะ และผู้ที่ไม่มีประสบการในการสอนจะไม่มีประสบการณ์ในการช่วยเหลือนักเรียนยามเกิดเหตุฉุกเฉิน
 หนังสือ 2 เล่มนี้ ความรู้แน่นแทบทุกด้านซึ่งครูจะให้นักเรียนอ่านโดยละเอียด ก่อนการเดินทางไปอบรมที่สำนักงานขนส่ง เพื่อทำการสอบใบอนุญาติขับขี่ เพื่อให้นักเรียนในได้เข้าใจถึงกฏหมาย และกฏจราจรอย่างถูกต้อง



สนใจเรียนขับรถยนต์

กับครูผู้มีประสบการณ์การสอน ครูใจเย็น ครูใจดี ครูผู้หญิง หรือท่านมีปัญหาเรื่องการสอบขอรับใบอนุญาติขับขี่ หัดขับกันเองไม่เป็น กลัวเกิดอุบัติเหตุ สอนกันไม่เข้าใจ ทะเลาะกัน มาปรึกษาเราสิคะ เขมจิรา ยินดีให้คำแนะนำทุกท่านค่ะ
โทร. 092-997-4249,063-196-4492

Line ID:  fondrivingschool
https://www.facebook.com/PrachuabDrivingSchool/
http://prachuabdrivingschool.blogspot.compot.com/

http://www.prachuabdrivingschool.com/